“ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” ผนึก “ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป” และ “ซิปเม็กซ์” ก้าวสู่โลกดิจิทัลอินโนเวชัน
“ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” ผนึก “ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป” และ “ซิปเม็กซ์” ก้าวสู่โลกดิจิทัลอินโนเวชัน เน้น Smart Living ตอบโจทย์ทุกมิติการอยู่อาศัย พร้อมซื้อห้องชุดผ่านสกุลเงินดิจิทัล
โครงการ “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” จับมือ “ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป” นำ “ดิจิทัลโซลูชัน” จากการเป็น Partner with True Smart Living มาใช้ในทุกส่วนของอาคาร ซึ่งเป็นโครงการแรกที่ใช้นวัตกรรมสุดล้ำจาก ทรู ดิจิทัล สร้างประสบการณ์ Smart Living ให้ลูกบ้านสะดวกสบายและปลอดภัยในยุค IoT พร้อมทั้งรองรับการใช้จ่ายในโลกดิจิทัล โดยจับมือกับ Zipmex Thailand แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทยซึ่งเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้จะเห็นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ผ่าน Cryptocurrency ที่ให้ผลตอบแทนมากยิ่งขึ้น
นายอะซึฮิสะ โอกุระ กรรมการบริษัท แกรนด์ สตาร์ จาก ซูมิโตโม ฟอเรสทรี จำกัด เปิดเผยว่า โครงการ “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” (HYDE Heritage Thonglor) คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ บนถนนใหญ่สุขุมวิท เพียง 250 เมตรจากบีทีเอสทองหล่อ พัฒนาโครงการโดย 3 ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมระดับไฮเอนด์ของประเทศไทย-ญี่ปุ่น ได้แก่ บริษัท ซูมิโตโม ฟอเรสทรี จำกัด Top 5 จากประเทศญี่ปุ่น, บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทล แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAND, และบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอเฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF ได้เล็งเห็นความสำคัญของการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล ที่มีบทบาทในยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ทางโครงการจึงเห็นความสำคัญของการรวมดิจิทัลโซลูชั่น มากมายเพื่อมั่นใจว่า ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ จะเป็นอาคารที่ดีที่สุดอาคารหนึ่งในเมืองไทย เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายของผู้อาศัยอย่างครบครัน
นางสาวอัญชลี เลิศสุวรรณรัชต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาด บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางบริษัทฯ ได้นำเอา “ดิจิทัลโซลูชัน” จาก “ทรู ดิจิทัล” (True Digital) มาใช้ในทุกส่วนของโครงการสร้างประสบการณ์การการอยู่อาศัยในรูปแบบ Smart Living ผ่าน Application ที่ถูกออกแบบมาสำหรับโครงการโดยเฉพาะ โดยแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ 3 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มตัวอาคารหรือ Smart Building ที่นำเทคโนโลยี Bluetooth Easy Pass และ Invitation QR Code มาใช้งาน พร้อมระบบตรวจจับใบหน้า และอุณหภูมิอัตโนมัติ รองรับลิฟต์อัจฉริยะ แบบล็อคชั้น และจำกัดการเข้าถึงสำหรับผู้มาเยี่ยม
กลุ่มห้องพักอาศัยหรือ Smart Home รองรับอุปกรณ์ Fiber Optic Internet ความเร็วสูงจาก True ครอบคลุมการใช้งานแบบไร้รอยต่อ พร้อมด้วยระบบบ้านอัจฉริยะ ควบคุมการใช้งานผ่านการสั่งการด้วยเสียง หรือผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อสร้างความสะดวกสบายขึ้นไปอีกระดับ
กลุ่ม Smart Management รองรับระบบตรวจเช็คสถานะ ความหนาแน่น และจองใช้งานพื้นที่ส่วนกลาง ที่โครงการมีมากถึง 8 ชั้น 28 ฟังก์ชันบนพื้นที่มากกว่า 2,000 ตารางเมตร รวมถึงบริการ On-Demand Service by HYATT Regency Bangkok Sukhumvit พร้อมทั้งติดต่อกับ Concierge Service มาตรฐานระดับโรงแรม 5 ดาวในโครงการ นอกจากนั้น ยังสามารถไลฟ์แชทกับนิติบุคคล, รับทราบข่าวสาร, แจ้งชำระบิลค่าใช้จ่าย, แจ้งซ่อม, และค้นหาร้านหรือสถานที่ท่องเที่ยวได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น
นายเอกราช ปัญจวีณิน กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจดิจิทัลโซลูชัน บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทรู ดิจิทัล โซลูชัน เดินหน้านำนวัตกรรมดิจิทัลโซลูชัน ผสานความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัลและระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจรของกลุ่มทรู เพื่อร่วมทรานสฟอร์มภาคอุตสาหกรรมต่างๆ พร้อมสนับสนุนพันธมิตรในภาคธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในภาคอุตสาหกรรมที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เพื่อสร้างความแตกต่างและตอบสนองผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการเชื่อมต่อโลกดิจิทัลตลอดเวลา ซึ่งความร่วมมือกับ แกรนด์ แอสเสท ในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ partner with True Smart Living
ในครั้งนี้ นอกจากการวางโครงข่ายไฟเบอร์บรอดแบนด์ทั่วทั้งโครงการแล้ว ทรู ดิจิทัล โซลูชัน ยังดึงเทคโนโลยี IoT AI Analytic และ Cybersecurity พัฒนาโซลูชัน True Smart Living แพลตฟอร์มอัจฉริยะที่เชื่อมโยงทุกระบบสำหรับลูกบ้านและผู้ดูแลจัดการโครงการเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ มอบประสบการณ์การอยู่อาศัยในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริงตั้งแต่เข้าถึงบริเวณโครงการจนถึงในห้องพัก ชูจุดเด่นให้สามารถควบคุมและสั่งงานอุปกรณ์และระบบต่างๆ ในห้องพัก ตลอดจนดูข้อมูลและจองใช้พื้นที่ส่วนกลางได้ง่ายๆผ่านแอปพลิเคชันเดียว ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการอาคาร ยกระดับความปลอดภัยและสุขอนามัยทุกพื้นที่ มั่นใจว่า โซลูชันอัจฉริยะ True Smart Living จะสร้างประสบการณ์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์สุดล้ำให้แก่ลูกบ้านโครงการ ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ ตอกย้ำคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ที่มีระบบดิจิทัลโซลูชันที่ดีที่สุดของไทย
นางสาวอัญชลี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ไลฟ์สไตล์ในการดำรงชีวิตของทุก Generation เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน รวมถึงการลงทุนทาง Digital Asset ด้วยคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ที่ปัจจุบันคนส่วนใหญ่จะซื้อเก็บเหรียญเก็งกำไร เริ่มเป็นสื่อกลางการทำธุรกรรมทางการเงินแห่งอนาคต ดังนั้นทางโครงการ “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” ได้เห็นแนวโน้มในการซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยการใช้ Cryptocurrency มากขึ้น
ล่าสุด จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท ซิปเม็กซ์ ประเทศไทย (จำกัด) หรือ Zipmex Thailand ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับการซื้อห้องชุดโดยชำระผ่าน Cryptocurrency เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ โดยรองรับเหรียญสกุลหลักถึง 6 สกุลเงินทั้งสายเทรด และสายฟาร์มได้แก่ บิตคอยน์ (Bitcoin – BTC), อีเธอเรียม (Ethereum – ETH), เทเทอร์(Tether USD – USDT), ริปเปิล (Ripple – XRP), ไลท์คอยน์ (Lite Coin – LTC) และ ZMT (Zipmex Token) ซึ่งเป็นเหรียญของทาง Zipmex เอง ลูกค้าสามารถชำระผ่าน Wallet จากซิปเม็กซ์โดยสามารถซื้อขายผ่านคริปโทเคอร์เรนซีได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
โดยโครงการจัดโปรโมชั่นพิเศษ เมื่อจองและทำสัญญากับโครงการ HYDE Heritage Thonglor รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 100,000 บาท* พร้อม Hotel Cash Voucher มูลค่า 10,000 บาท* ที่สามารถใช้ได้ใน 6 โรงแรมในเครือ Grande Asset และพันธมิตร พร้อมทั้งโปรโมชั่นจากทาง Zipmex เลื่อนขั้นเป็น ZipCrew VIP4 เพื่อรับสิทธิ์ โบนัสสินทรัพย์ดิจิตอล สูงสุด 14% ต่อปี โปรโมชั่นตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม 2565 เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด*
“โลกในทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก มีการลงทุนแบบใหม่ การหาผลตอบแทนแบบใหม่ จึงเกิดเป็นความร่วมมือในครั้งขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่ รวดเร็ว สะดวกสบาย การได้ร่วมงานกันทั้งทรูดิจิทัลและซิปเม็กซ์ประเทศไทยถือว่าเป็นการก้าวเข้าสู่โลกแห่งการลงทุนยุคใหม่ The New Era of Innovation at HYDE Heritage Thonglor” นางสาวอัญชลี กล่าวในที่สุด
ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2564 นี้ สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความสนใจจากนักลงทุน มีการถือครองเป็นจำนวนมาก และมีการใช้จ่ายกันมากขึ้น เพื่อเป็นการเชื่อมโยงไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของคนเมืองมากขึ้นและสังคมไทยจะได้มีความรู้เรื่องการลงทุนได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยในเรื่องเทคโนโลยีนั้นคนทุกวัยสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ถึงทุกสิ่งอย่าง และเชื่อว่าการเงิน การลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีจะเกิดขึ้นภายใน 3-5 ปีมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาระบบของธนาคารไทยมีโครงสร้างการลงทุนที่ดีมาก โดยประเทศไทยนั้นมีความพร้อมที่จะเป็น “ดิจิทัล แอสเสท” ในภูมิภาคเอเชียได้
“การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล นั้นมีความเสี่ยง และมีความผันผวนมาก แต่การลงทุนพวกนี้เป็นการลงทุนในอนาคต ซึ่งก่อนที่จะลงทุนก็อยากให้ศึกษาอย่างรอบคอบเสียก่อน คืออยากให้นำเงินเย็นมาลงทุนอย่างระมัดระวัง เพราะเงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต แต่ควรลงทุนให้ครอบครัว และสุขภาพของตนเองด้วย”
ดร.เอกลาภ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในธุรกิจอสังหาฯนั้น บล็อกเชน (Blockchain) จะนำมาช่วยในเรื่องการซื้อขายอสังหาฯได้ ในขณะที่ยังมีบุคคลทั่วไปที่อาจจะไม่มีเงินมากพอในการซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งอนุภาคของ Cryptocurrency สามารถแตกย่อยให้สามารถเป็นเจ้าของห้องชุดร่วมในแต่ละโครงการและให้ผลตอบแทนได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นโมเดลของการลงทุนในอนาคต เชื่อว่าภายในระยะเวลา 5 ปีนี้ จะเห็นรูปแบบการลงทุนเช่นนี้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นเรื่องดีของนักลงทุน ผู้ประกอบการ และวงการดิจิทัลในประเทศไทย
Comments